แจกฟรีกันไปเลย 9 วิธีทำสเต๊ก เมนูอาหารฝรั่งสูตรโฮมเมด เหมาะสำหรับคนอยากเปิดร้านสเต๊กราคาถูกต้นทุนต่ำที่น่าสนใจ ทุนไม่หาย กำไรงาม จดสูตรเปิดร้านได้เลยตอนนี้
เร่เข้ามาสำหรับคนอยากมีกิจการเล็ก ๆ เป็นของตัวเอง ขอฝากร้านสเต๊กราคาถูกเป็นอีกทางเลือกสำหรับคนอยากเริ่มต้นธุรกิจ SMEs ไม่ต้องซื้อแฟรนไชส์ แค่มีเงินเก็บเพียงก้อนเดียวก็เปิดร้านได้แล้ว ในเมื่ออยากเปิดร้านสเต๊กก็ต้องมีสูตรสเต๊กไว้ในครอบครองกัน วันนี้กระปุกดอทคอมขอนำเสนอ 9 วิธีทำสเต๊กสูตรโฮมเมด มีให้เลือกหลากหลายเมนู ต้นทุนต่ำ กำไรเกินครึ่ง รสชาติอร่อยถูกปากทุกเพศทุกวัย แถมหน้าตาดีเหมือนร้านดังอีกด้วยนะจ๊ะ
ก่อนที่เราจะดูสูตรสเต๊กเด็ด ๆ กระปุกดอทคอมก็ยังมีเคล็ดลับย่างสเต็กให้อร่อยตามแบบที่ต้องการมาฝากกันก่อน เป็น 3 วิธีง่าย ๆ ที่คุณสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ทั้งที่ร้านอาหารและในครัวของคุณเองตามนี้เลยค่า
1. ละลายน้ำแข็งก่อนนำเนื้อไปย่าง
ก่อนอื่นควรเลือกเนื้อสเต๊กที่มีความหนาของชิ้นเนื้อเท่ากันทั้งชิ้น ถ้าเป็นเนื้อแช่แข็ง ก่อนที่จะนำไปย่าง ควรจะนำออกจากตู้เย็นแล้ววางทิ้งเอาไว้ในห้องอุณหภูมิปกติจนกระทั่งน้ำแข็งละลายหมด หรือน้ำแข็งระเหยออกจากเนื้อสเต๊กหมดแล้วก่อนจะนำไปปรุงอาหารต่อไป
2. เตรียมเตาย่างโดยใช้ไฟปานกลาง
ในระหว่างที่คุณกำลังรอให้น้ำแข็งละลายออกจากเนื้อ ให้คุณนำกระทะหรือเตาสำหรับปิ้งย่างมาตั้งไฟปานกลาง และเมื่อน้ำแข็งระเหยออกจากชิ้นเนื้อจนหมดแล้ว ให้นำน้ำมันมะกอกมาทาให้ทั่วชิ้นเนื้อสเต๊ก แต่ทั้งนี้ไม่ควรจะทาน้ำมันมะกอกมากจนเกินไป เพราะส่งผลให้ต้องใช้เวลาในการปิ้งย่างนานยิ่งขึ้น
3. รอให้น้ำซึมออกมาก่อนจะพลิกชิ้นเนื้อสเต๊ก
ในขณะที่เรากำลังย่างเนื้อสเต๊กอยู่นั้น หากต้องการสเต๊กสุกปานกลาง ควรย่างจนกว่าน้ำในเนื้อสเต๊กซึมออกมาบนผิวเนื้อก่อน จากนั้นจึงค่อยพลิกเนื้อสเต๊กเพื่อทำการย่างอีกด้านหนึ่ง แล้วรอจนกระทั่งน้ำซึมออกมาจากเนื้อเช่นเดียวกัน จากนั้นก็ให้ยกเนื้อขึ้นจากเตา ห่อเนื้อด้วยกระดาษอะลูมิเนียมฟอยล์แบบหลวม ๆ เสร็จแล้ววางทิ้งไว้ประมาณ 2-4 นาที เพื่อรอให้ด้านข้างสุกและน้ำที่ซึมออกมาถูกดูดซับกลับเข้าไป เพียงเท่านี้คุณก็จะได้สเต๊กแบบฉ่ำน้ำ ที่ทั้งนุ่มและอร่อยแล้ว
หมายเหตุ : สำหรับคนที่ต้องการย่างเนื้อสเต๊กด้วยเตาอบ ในระหว่างที่คุณรอให้น้ำแข็งละลายออกจากเนื้อ ก็อาจจะลองหยิบคู่มือการใช้เตาอบมาทบทวนความทรงจำกันอีกสักครั้งว่า ต้องใช้อุณหภูมิเท่าใดจึงจะเหมาะสมสำหรับการปิ้งย่างเนื้อวัวให้ได้ระดับความสุกในแบบที่คุณต้องการ
1. สเต๊กพอร์คชอป
เริ่มต้นเมนูแรกสำหรับคนอยากเปิดร้านสเต๊กกับสเต๊กยอดนิยมอย่างพอร์คชอป ความอร่อยอยู่ตรงเนื้อหมูติดกระดูกที่ย่างจนสุก เพิ่มความฟินด้วยน้ำซอสหอมใหญ่รสหวานหอมกลมกล่อม ตบท้ายด้วยการโรยพริกไทยเพิ่มลงไปอีกนิดพอให้มีกลิ่นหอม ถ้าได้กินกับผักสลัดด้วยก็คงดีไม่น้อย
ส่วนผสม สเต๊กพอร์คชอป
◆ พอร์คชอป (น้ำหนัก 150-200 กรัม) จำนวน 1 ชิ้น
◆ พริกไทยดำบดหยาบ 1 ช้อนโต๊ะ
◆ น้ำมันมะกอก 1 ช้อนโต๊ะ
◆ เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
◆ น้ำมันมะกอก (สำหรับย่าง)
◆ เนยจืด 5 ช้อนโต๊ะ
◆ หอมใหญ่สับละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ
◆ อาโรมาต 1 ช้อนชา
◆ เกลือป่น (สำหรับปรุงรส)
◆ พริกไทยป่น (สำหรับปรุงรส)
◆ น้ำเปล่า
วิธีทำสเต๊กพอร์คชอป
1. เคล้าผสมพอร์คชอปกับพริกไทยดำและน้ำมันมะกอกให้ทั่วชิ้น นำเข้าแช่เย็นประมาณ 30 นาที จากนั้นนำออกจากตู้เย็น โรยเกลือป่นให้ทั่ว วางลงบนถาดสำหรับอบที่ทาน้ำมันมะกอกไว้แล้ว
2. เปิดเตาอบที่อุณหภูมิ 200 องศาเซลเซียส ประมาณ 10 นาที เตรียมไว้ จากนั้นนำพอร์คชอปเข้าเตาอบประมาณ 5 นาที ยกออกจากเตา เตรียมไว้
3. ตั้งกระทะใช้ไฟปานกลางรอจนร้อน ใส่น้ำมันมะกอก เนยสด และหอมใหญ่ลงผัดจนสุกใส ปรุงรสด้วยอาโรมาต เกลือป่น และพริกไทยป่น เติมน้ำเปล่าเล็กน้อย ชิมรสตามชอบ ผัดจนน้ำเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล ยกลงจากเตา เทใส่ภาชนะ เตรียมไว้
4. นำกระทะขึ้นตั้งไฟ ใส่พอร์คชอปลงย่างจนสุกทั้งสองด้าน ยกลงจากเตา ตักใส่จาน ราดด้วยน้ำซอส พร้อมเสิร์ฟ
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ พอร์คชอปเนื้อนุ่ม สเต็กฝรั่งยอดนิยม
+++++++++
2. สเต๊กพอร์คชอปราดซอสเห็ด
สำหรับร้านสเต๊กที่มีเมนูสเต๊กพอร์คชอปราดซอสหอมใหญ่แล้วอาจต้องเพิ่มทางเลือกสำหรับลูกค้าด้วยสเต๊กพอร์คชอปราดซอสเห็ดสูตรจาก คุณ Fille Courageuse สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม อีกเมนูหนึ่ง เวลาตักเนื้อพอร์คชอปเข้าปากจะได้สัมผัสเนื้อนุ่ม ๆ และกลิ่นหอมของซอสเห็ด ถ้าหากได้มันฝรั่งแท่งมากินแกล้มด้วยแล้วจะเพิ่มสีสันให้มื้อนี้ครบเครื่องมากขึ้น
ส่วนผสม สเต๊กพอร์คชอป
◆ หมูเนื้อสันติดกระดูก 2 ชิ้น
◆ มัสตาร์ด 2 ช้อนโต๊ะ
◆ พริกไทย
◆ เกลือป่น
◆ ใบไทม์ (ไม่ต้องใส่ก็ได้)
◆ น้ำมันพืช
ส่วนผสม ซอสเห็ด
◆ เห็ดนางฟ้าหั่นชิ้นเล็ก (หรือเห็ดอื่น) 1 แพ็ก
◆ ผักชีซอย 1 กำ
◆ น้ำมันพืช
◆ นมสดคาร์เนชั่น 450 กรัม 1 กระป๋อง
◆ เนยจืดก้อนเล็ก 1 ก้อน
◆ พริกไทย
◆ เกลือป่น
◆ ใบไทม์
◆ น้ำซอสหมูที่เหลือจากการทอดสเต๊ก
◆ มอสซาเรลลาชีส (หรือพาร์เมซานชีส)
วิธีทำสเต๊กพอร์คชอป
1. ทุบเนื้อหมูเบา ๆ เพื่อให้เนื้อนิ่มขึ้น (ใช้ด้ามมีดหรือสากก็ได้) เสร็จแล้วใช้ส้อมจิ้มให้ทั่วชิ้น (เพื่อเวลาทอดแล้วหมูจะได้สุกทั่วถึงข้างใน) ทามัสตาร์ด โรยพริกไทย เกลือป่น และใบไทม์
2. นำกระทะขึ้นตั้งไฟอ่อน ใส่น้ำมันพืชลงไปเล็กน้อย ใส่เนื้อหมูลงไปทั้ง 2 ชิ้น อย่าเร่งไฟเด็ดขาดเพราะเนื้อหมูจะไหม้แต่ด้านนอกและด้านในไม่สุก ค่อย ๆ ทอดจนเนื้อหมูเป็นสีเหลืองทอง ตักขึ้นจัดใส่ภาชนะ
วิธีทำซอสเห็ด
1. นำเห็ดและผักชีไปผัดในกระทะ ใส่น้ำมันเล็กน้อยแค่พอไม่ให้ผักติดกระทะ พอเห็ดมีลักษณะแห้งและเปลี่ยนเป็นสีเหลืองแล้วให้ใส่นมสดลงไป (ถ้าชอบน้ำซอสเยอะก็ใส่มากหน่อย)
2. พอส่วนผสมเดือดเล็กน้อยให้ใส่เนยลงไปแล้วปรุงรสด้วยพริกไทยกับเกลือป่น โรยใบไทม์ลงไปเล็กน้อย
3. นำน้ำซอสหมูที่เหลือจากการทอดสเต๊กไปใส่ลงในซอสเห็ด อาจใส่มอสซาเรลลาชีสหรือพาร์มีซานชีสเพิ่มตามชอบ จัดการราดลงไปบนสเต๊กพอร์คชอป พร้อมเสิร์ฟ
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ สเต๊กพอร์คชอปราดซอสเห็ด เมนูอาหารฝรั่งงบน้อยแค่ร้อยต้น ๆ
++++++++++
3. สเต๊กหมูซอสเห็ดหอม
เอาใจคนอยากได้สูตรสเต๊กหมูกันอีกเมนูกับสเต๊กหมูซอสเห็ดหอมสูตรจาก คุณพยูนบูด สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม แค่เห็นภาพก็ยั่วน้ำลายแล้วค่ะ เมนูนี้ใช้เนื้อหมูล้วน ๆ เลยนะคะ ถ้าอยากมัดใจลูกค้าควรแล่เนื้อหมูชิ้นโตหน่อยเนอะ เวลาทำเสร็จแล้วจะได้เสิร์ฟในจานใหญ่ดูงามหน่อย ตบท้ายด้วยการราดซอสเห็ดหอม แหม… อยากให้เพื่อน ๆ ได้กลิ่นจริง ๆ ว่าหอมนุ่มชุ่มซอสตั้งแต่เริ่มกินคำแรกจนคำสุดท้าย
ส่วนผสม สเต๊กหมูซอสเห็ดหอม
◆ เนื้อหมูส่วนสะโพก
◆ เกลือ
◆ พริกไทย
◆ นมข้นจืด
◆ ซอสแม็กกี้
◆ น้ำมันพืช
ส่วนผสม ซอสเห็ดหอม
◆ เนยสด
◆ เห็ดหอมสด (หั่นชิ้นเล็ก)
◆ หอมใหญ่ (สับละเอียดและหั่นแว่น)
◆ น้ำที่ใช้หมักหมู
◆ น้ำสต๊อก
◆ เกลือ
◆ พริกไทย
วิธีทำสเต๊กหมูซอสเห็ดหอม
1. เริ่มต้นจากการแล่เนื้อหมูโดยแล่ออกมาให้หนาชิ้นละประมาณ 2 เซนติเมตร (แต่ถ้าใครอยากหั่นหนากว่านี้ก็ได้ ซึ่งก็ต้องใช้เวลาทอดนานหน่อย)
2. ใช้ค้อนทุบเพื่อให้เนื้อนุ่มและเวลาปรุงรสจะได้เข้าเนื้อ ทอดสุกง่าย โดยให้ใช้ฝั่งหนาม ๆ ทุบหมูให้นุ่ม ตามด้วยด้านข้าง ๆ ทุบให้เนื้อแผ่กว้าง ๆ เสมอกัน
3. นำเนื้อหมูที่ทุบแล้วมาใส่ในชามหมักด้วยเกลือ พริกไทย ซอสแม็กกี้ และนมข้นจืด ประมาณ 30 นาที ใครจะหมักข้ามวันก็ได้นะคะ แต่อย่าใส่เกลือเยอะเกินไป เพราะเนื้อหมูอาจจะแข็งได้
4. ตั้งกระทะใช้ไฟปานกลาง ใส่น้ำมันพืชลงไปให้ร้อนแล้วนำหมูที่หมักไว้ลงไปทอดพลิกไปพลิกมาจนสุกตามชอบ
วิธีทำซอสเห็ดหอม
1. นำกระทะที่ทอดหมู (ไม่ต้องล้าง) มาใส่เนยลงไป ตามด้วยเห็ดหอมและหอมใหญ่
2. หลังจากที่เห็ดนิ่มแล้วให้เติมน้ำที่ใช้หมักหมูที่เหลือไว้ พร้อมด้วยน้ำสต๊อกลงไป ปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทย
3. ใส่หอมใหญ่หั่นแว่นเข้าไปคลุกเคล้าจนเข้ากัน เสร็จแล้วราดลงไปบนสเต๊กหมู พร้อมเสิร์ฟ
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ สเต๊กหมูซอสเห็ดหอมและหัวหอม อร่อยนุ่ม ละมุนลิ้น
+++++++++++
4. สเต๊กไก่สับ
ผ่านพ้นเมนูสเต๊กหมูมาถึง 3 สูตรแล้ว คราวนี้มาเพิ่มทางเลือกสำหรับลูกค้าด้วยเมนูเนื้อไก่กันหน่อยดีกว่ากับเมนูสเต๊กไก่สับสูตรจาก คุณสมาชิกหมายเลข 2228164 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม (#maekwansri) ทำง่าย ๆ เอาเนื้อไก่มาสับกับกระเทียม ปรุงรสสักหน่อยแล้วหมักไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง หรือข้ามคืน เสร็จแล้วก็นำไปทอดจนสุกหอม ราดด้วยซอสพริกไทยดำพอฉ่ำ กินกับสลัดผัก หรือมันอบก็เก๋แล้วค่ะ
ส่วนผสม สเต๊กไก่สับ
◆ สะโพกไก่
◆ กระเทียม
◆ ซอสหอยนางรม
◆ ซีอิ๊วขาว
◆ น้ำตาลทรายเล็กน้อย
◆ พริกไทยป่น
◆ ใบไทม์
◆ น้ำมันมะกอก
ส่วนผสม ซอสพริกไทยดำ
◆ เนยสด
◆ หอมใหญ่สับละเอียด
◆ ซอสพริกไทยดำสำเร็จรูป
◆ น้ำเปล่า
วิธีทำสเต๊กไก่สับ
1. นำเนื้อไก่มาสับ พอใกล้จะละเอียดใส่กระเทียมลงไปสับให้เข้ากัน
2. ปรุงรสด้วยซอสหอยนางรม ซีอิ๊วขาว น้ำตาลทราย พริกไทยป่น และใบไทม์ นวดให้เข้ากัน ปั้นเป็นก้อน หมักทิ้งไว้อย่างน้อย 1 ชั่วโมง หรือทั้งคืน
3. ตั้งกระทะเทฟลอนใส่น้ำมันมะกอกลงไปเล็กน้อย รอจนกระทะร้อน นำเนื้อไก่ลงไปทอดแบบกึ่งสุกกึ่งดิบ นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส ประมาณ 10 นาที นำออกมาจัดใส่จาน
วิธีทำซอสพริกไทยดำ
1. ตั้งกระทะ ใส่เนยลงไปรอจนละลายแล้วใส่หอมใหญ่ลงไปผัดให้สุก
2. ใส่ซอสพริกไทยดำ เติมน้ำเปล่าลงไปเคี่ยวด้วยไฟอ่อนจนได้ที่ นำไปราดบนสเต๊กไก่สับ
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ สเต๊กไก่สับ อาหารฝรั่งแบบบ้าน ๆ เลอค่าทำง่าย อิสลามทานได้
+++++++++++
5. สเต๊กปลาแซลมอน
หากอยากเปิดร้านสเต๊กมีแค่เมนูสเต๊กหมูและสเต๊กไก่คงไม่พอ ต้องเพิ่มเมนูสเต๊กปลาสำหรับคนรักสุขภาพกันหน่อย ขอแนะนำสเต๊กปลาแซลมอนสูตรจาก เฟซบุ๊ก iCook by KuCook นอกจากมีเนื้อปลาแซลมอนแล้วยังราดซอส 3 รสลงไปอีกด้วย ถ้าหากกลัวลูกค้าไม่อิ่มก็เพิ่มข้าวกระเทียมลงไปสักถ้วย อิ่มเพลินพุงเลยล่ะ
ส่วนผสม สเต๊กปลาแซลมอน
◆ ปลาแซลมอน 1 ชิ้น
◆ เกลือทะเล
◆ พริกไทยดำ
◆ น้ำเปล่า (สำหรับลวกผัก)
◆ หน่อไม้ฝรั่ง 4 ต้น (หรือผักอื่นตามชอบ)
◆ น้ำจิ้มบ๊วย 2 ช้อนโต๊ะ
◆ ซอสคิคโคแมน 1 ช้อนโต๊ะ (หรือซอสถั่วเหลืองสูตรโซเดียมต่ำ)
◆ น้ำมันมะกอก
◆ ข้าวกล้องหุงสุก 1 ถ้วย
◆ แครอท (ฝานเป็นเส้นใหญ่ ๆ)
◆ มะเขือเทศเชอร์รีผ่าครึ่ง (สำหรับตกแต่ง)
วิธีทำสเต๊กปลาแซลมอน
1. ใส่น้ำมันมะกอกเล็กน้อยลงในกระทะ พอร้อนใส่เนื้อปลาแซลมอนลงไปย่าง
2. โรยเกลือและพริกไทยดำบดเล็กน้อยลงบนเนื้อปลาแซลมอน ย่างจนเนื้อปลาสุกแล้วพลิกเนื้อปลาอีกด้านขึ้นแล้วโรยด้วยพริกไทยดำและเกลืออีกครั้ง พอเนื้อปลาสุกแล้วตักใส่จาน เตรียมไว้
3. ใช้กระทะใบเดิมเติมน้ำเปล่าลงไปพอประมาณ รอจนเดือดแล้วใส่หน่อไม้ฝรั่งลงไปลวกพอสุก จากนั้นเทน้ำลวกผักทิ้ง นำไปผัดแล้วปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทยดำบดเล็กน้อย ตักขึ้นใส่จาน พักทิ้งไว้
4. ใส่น้ำจิ้มบ๊วยและซอสคิคโคแมน นำขึ้นตั้งไฟอ่อน เคี่ยวพอเข้ากันและเริ่มเหนียวข้น ปิดไฟ พักทิ้งไว้
5. นำปลาแซลมอนมาจัดใส่จาน ราดซอสที่เคี่ยวไว้ลงไปบนเนื้อปลา ตกแต่งด้วยหน่อไม้ฝรั่ง แครอท มะเขือเทศเชอร์รี เพิ่มข้าวกล้องหุงสุกลงไป พร้อมเสิร์ฟ
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ สเต๊กปลาแซลมอน เมนูอาหารคลีนหน้าตาดีมีประโยชน์
++++++++++++++++++
6. สเต๊กปลาดอรี่ซอสกระเทียมพริกไทย
เมนูนี้ก็นำเสนอสเต๊กปลาอีกเช่นเคยแต่เป็นปลาดอรี่สุดฮิต ทุกร้านที่ขายสเต๊กต่างมีสเต๊กปลาดอรี่ทั้งนั้น ถ้าไม่เอาไปทอดก็เอาไปย่างแล้วราดซอสอะไรก็ตามแต่ สำหรับสูตรนี้แนะนำสเต๊กปลาดอรี่ซอสกระเทียมพริกไทยสูตรจาก เฟซบุ๊ก เมนูดีที่บ้าน "บ.บวม" เมนูนี้น่าจะถูกปากคนไทยเพราะมีกลิ่นอายของกระเทียมและพริกไทย
ส่วนผสม สเต๊กปลาดอรี่
◆ ปลาดอรี่ 150 กรัม
◆ เกลือและพริกไทยดำ (สำหรับหมักปลาดอรี่)
◆ หน่อไม้ฝรั่ง
◆ แครอท
◆ เห็ดเข็มทอง
ส่วนผสม ซอสกระเทียมพริกไทย
◆ รากผักชี
◆ พริกไทยขาว
◆ น้ำมันมะกอก หรือเนย 1 ช้อนโต๊ะ
◆ กระเทียมจีนสับ 4-5 กลีบ
◆ เห็ดหอมหั่นแว่น 1 ดอก
◆ น้ำซุป หรือน้ำเปล่า 1/2 ถ้วยตวง
◆ ซอสหอยนางรม 1 ช้อนโต๊ะ
◆ ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนชา
◆ น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
◆ เหล้าจีน 1 ช้อนชา (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้)
วิธีทำสเต๊กปลาดอรี่
1. หมักปลาดอรี่กับเกลือและพริกไทยดำ เตรียมไว้
2. ใส่ปลาดอรี่ลงย่างในกระทะให้สุกทั้ง 2 ด้าน ด้านละประมาณ 3 นาที โดยใช้ไฟปานกลาง ตามด้วยหน่อไม้ฝรั่งและเห็ดเข็มทอง ปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทย จัดใส่จาน
วิธีทำซอสกระเทียมพริกไทย
1. โขลกรากผักชีกับพริกไทยขาวเข้าด้วยกัน เตรียมไว้
2. นำกระทะขึ้นตั้งไฟ ใส่เนยหรือน้ำมันมะกอกลงไป ตามด้วยกระเทียม รากผักชี พริกไทยขาว และเห็ดหอม ผัดจนหอม แล้วเติมน้ำซุปลงไป ลดเป็นไฟปานกลาง
3. ปรุงรสด้วยซอสหอยนางรม ซีอิ๊วขาว และน้ำตาลทราย เคี่ยวให้ซอสงวดลง จากนั้นเร่งไฟแรงแล้วเติมเหล้าจีนลงไปพอให้แอลกอฮอล์ระเหยหมด ปิดไฟยกลงจากเตา นำไปราดบนสเต๊กปลาดอรี่
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ สเต๊กปลาดอรี่ซอสกระเทียมพริกไทย อาหารฝรั่งง่าย ๆ ราคาถูก
+++++++++++++
7. สเต๊กปลาทอดกับซอสทาร์ทาร์
สเต๊กปลานอกจากเอาไปย่างแล้วยังเอาไปทอดได้อีกนะคะ สำหรับร้านสเต๊กต้องหาเมนูดักไว้ทุกทางเนอะ มาพบกับสูตรสเต๊กปลาทอดกับซอสทาร์ทาร์จาก คุณ bangbuatong60d สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ปลาทอดชิ้นโตสุดกรอบราดซอสทาร์ทาร์หอมละมุน ทานกับผักลวกตัดเลี่ยนหน่อย หน้าตาดีขนาดนี้ลูกค้าคนไหนเห็นก็ต้องอยากลิ้มลอง
ส่วนผสม สเต๊กปลาทอด (สำหรับ 6-8 ที่)
◆ ปลาดอรี่ชิ้นใหญ่ 4 ชิ้น
◆ เกลือป่นและพริกไทยป่น (สำหรับหมักปลาดอรี่)
◆ แป้งทอดกรอบ (สำหรับชุบปลา)
◆ ไข่ไก่ตีพอแตก (สำหรับชุบปลา)
◆ เกล็ดขนมปัง
◆ ชีส
ส่วนผสม ซอสทาร์ทาร์
◆ หอมใหญ่ซอยละเอียด
◆ เกลือป่น
◆ ครีมสลัด
◆ พาร์สลีย์สับ
◆ แตงกวาดองซอยละเอียด
◆ ไข่แดงต้มสุก 2 ฟอง
◆ มะนาว
◆ แครอทลวก หั่นเป็นแท่ง ๆ 2 หัว
◆ บรอกโคลีลวก 300 กรัม
◆ ผักกาดแก้ว
วิธีทำสเต๊กปลาทอด
1. ล้างปลาดอรี่ให้สะอาด นำไปซับน้ำและผึ่งลมให้แห้ง จากนั้นปรุงรสด้วยเกลือป่นและพริกไทยป่น หมักทิ้งไว้สักครู่
2. นำเนื้อปลาที่หมักไว้ไปชุบลงในแป้งทอดกรอบ ตามด้วยชุบไข่ไก่ให้ทั่ว สุดท้ายนำไปคลุกในเกล็ดขนมปัง
3. นำลงทอดในน้ำมันใช้ไฟไม่ต้องแรงมากทอดจนเหลืองอ่อน ๆ ตักขึ้นแล้วนำเข้าเตาอบประมาณ 5 นาที เพื่อไล่น้ำมันจากนั้นโรยชีส เอาไปอบต่อจนสุก เตรียมไว้
วิธีทำ ซอสทาร์ทาร์
1. ขยำหอมใหญ่กับเกลือเข้าด้วยกัน พักทิ้งไว้ให้น้ำหอมใหญ่ออกมาแล้วบีบให้แห้ง
2. เทครีมสลัดใส่ลงโถผสมอาหาร ตามด้วยหอมใหญ่ ใบพาร์สลีย์สับ แตงกวาดอง และไข่แดงต้มสุก บีบมะนาวลงไปเล็กน้อย คนผสมให้เข้ากัน เตรียมไว้
3. ต้มแครอทและบรอกโคลีให้สุก จัดเรียงในจาน ตามด้วยผักกาดแก้วให้สวยงาม ใส่ปลาทอดลงไป ราดซอสทาร์ทาร์ พร้อมเสิร์ฟ
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ สเต๊กปลาทอดกับซอสทาร์ทาร์ เมนูหรูหราในราคาประหยัด
++++++++++++
8. สเต๊กเนื้อโคขุนจิ้มแจ่ว
สำหรับร้านสเต๊กจะขาดเมนูสเต๊กเนื้อไปได้อย่างไร เอาใจคนชอบทานเนื้อกันหน่อยกับวิธีทำสเต๊กเนื้อโคขุนจิ้มแจ่วสูตรจาก เฟซบุ๊ก เมนูดีที่บ้าน "บ.บวม" ถ้าหากได้จิ้มกับน้ำจิ้มแจ่วด้วยแล้วอร่อยลืมอ้วนเลยล่ะ
ส่วนผสม สเต๊กเนื้อโคขุน
◆ เนื้อโคขุน (หั่นเต๋า) 200 กรัม (ใช้ค้อนสำหรับทุบเนื้อ ทุบเพื่อช่วยให้เนื้อนุ่มขึ้น)
◆ ซอสหอยนางรม 1 ช้อนโต๊ะ
◆ ซอสปรุงรส 1/2 ช้อนโต๊ะ
◆ เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
◆ น้ำมันมะกอก (หรือน้ำมันพืช) 2 ช้อนโต๊ะ
◆ น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
◆ ข้าวคั่วป่น 1 ช้อนโต๊ะ
◆ พริกป่น 1/2 ช้อนโต๊ะ
◆ เนยสด (สำหรับย่าง)
◆ เห็ดเข็มทองผัดเนย
◆ ผักสลัด
◆ ขนมปังโฮลวีท
วิธีทำสเต๊กเนื้อโคขุน
1. หมักเนื้อกับซอสหอยนางรม ซอสปรุงรส เกลือป่น น้ำมันมะกอก น้ำตาลทราย ข้าวคั่วป่น และพริกป่น คลุกเคล้าให้เข้ากัน หมักทิ้งไว้ 1 คืน เพื่อให้เนื้อนุ่มและรสชาติเข้าเนื้อสุด ๆ
2. นำเนื้อที่หมักไว้ลงย่างในกระทะ ใส่เนยนิดหน่อย ย่างให้สุกปานกลาง จัดใส่จาน เสิร์ฟพร้อมเห็ดเข็มทองผัดเนย ผักสลัด และขนมปังโฮลวีท
ส่วนผสม น้ำจิ้มแจ่ว
◆ น้ำมะขามเปียก 2 ช้อนโต๊ะ
◆ น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
◆ น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
◆ น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
◆ ข้าวคั่ว 1 ช้อนโต๊ะ
◆ พริกป่น 1/2 ช้อนโต๊ะ (เพิ่ม-ลดได้ตามชอบ)
◆ ต้นหอมซอย
◆ ผักชีฝรั่งซอย
วิธีทำน้ำจิ้มแจ่ว
◆ คนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน ชิมรสแล้วปรุงเพิ่มตามรสชาติที่ชอบ เสิร์ฟพร้อมสเต๊กเนื้อ
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ สเต๊กเนื้อโคขุนจิ้มแจ่ว เนื้อนุ่ม น้ำจิ้มแซ่บ แบบฉบับทำง่าย
++++++++++
9. ซี่โครงหมูบาร์บีคิว
เมนูสุดท้ายแม้ไม่ใช่สเต๊กแต่ก็เป็นอีกเมนูยอดฮิตที่ร้านสเต๊กมักใส่ลงไปในเมนูอาหารเพื่อเป็นอีกทางเลือกสำหรับลูกค้าที่อยากสั่งอาหารเพิ่มแต่ไม่อยากกินสเต๊กแล้ว ขอแนะนำซี่โครงหมูบาร์บีคิวสูตรจาก คุณ isweet สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ซี่โครงหมูทาซอสบาร์บีคิวจนชุ่มนำไปอบจนแทรกซึมเข้าทุกอณู ก่อนเสิร์ฟก็ราดซอสบาร์บีคิวอีกครั้งหนึ่งเพื่อความสวยงามและเพื่อความน่าทาน
ส่วนผสม ซี่โครงหมูบาร์บีคิว
◆ ซอสมะเขือเทศ 3 ถ้วย
◆ ซอสพริก 2 ถ้วย
◆ ขิงอ่อนสับละเอียด 1/3 ถ้วย
◆ กระเทียมสับละเอียด 1/3 ถ้วย
◆ ออริกาโน่ 2 ช้อนโต๊ะ
◆ โรสแมรี 1 ช้อนโต๊ะ
◆ อบเชยป่น 2 ช้อนโต๊ะ
◆ เกลือ 1/2 ช้อนชา
◆ พริกไทยขาวป่น ประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ
◆ น้ำผึ้ง 1/4 ถ้วย (ถ้าไม่มีให้ใช้น้ำตาลทราย)
◆ ซี่โครงหมูแบบแผ่น 2 กิโลกรัม
◆ น้ำเปล่า 4 ถ้วย
หมายเหตุ : ขิงและกระเทียมหากไม่ชอบเป็นชิ้น ๆ ให้นำไปปั่นจนละเอียดก่อนนำมาทำซอสนะคะ
วิธีทำซี่โครงหมูบาร์บีคิว
1. ทำซอสบาร์บีคิวโดยผสมซอสมะเขือเทศกับซอสพริกเข้าด้วยกัน ตามด้วยขิงอ่อนสับ กระเทียมสับ ออริกาโน่ โรสแมรี อบเชย เกลือ พริกไทยขาวป่น และน้ำผึ้ง คนผสมให้เข้ากันเป็นซอสบาร์บีคิว พักไว้
2. ตัดซี่โครงให้เป็นชิ้นตามที่ชอบ (เพื่อให้ใส่หม้อหรือกระทะได้ง่าย ใครมีหม้อใหญ่ ๆ จะใส่ทั้งแผ่นก็ได้ตามสะดวกค่ะ)
3. ใส่ซอสบาร์บีคิวลงในกระทะ (หรือหม้อ) เติมน้ำเปล่าลงไปคนผสมให้ซอสละลายเข้ากัน จากนั้นนำซี่โครงใส่ลงไปในหม้อ ต้มพอเดือดแล้วเคี่ยวต่อด้วยไฟอ่อนประมาณ 1.30-2 ชั่วโมง
หมายเหตุ : บางสูตรก็นำซี่โครงไปต้มในน้ำเปล่าจนนุ่ม จากนั้นนำมาทาซอสก่อนย่าง ขณะย่างก็ทาซอสเรื่อย ๆ จนเข้าเนื้อ แต่ไม่ว่าจะทำวิธีไหนก็ได้เหมือนกันนะคะ ตามความสะดวกของเราค่ะ
4. นำซี่โครงที่เราเคี่ยวจนเนื้อนุ่มและซอสซึมเข้าเนื้อแล้วมาทาซอสบาร์บีคิวให้ชุ่ม
5. จากนั้นนำไปอบ (หรือย่างตามสะดวก) ที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส ประมาณ 10-13 นาที ส่วนซอสที่เหลือเก็บไว้ราดอีกทีก่อนเสิร์ฟ
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ซี่โครงหมูบาร์บีคิว อาหารฝรั่งเลอค่า แบบโฮมเมดที่ใครก็ทำได้
สำหรับคนอยากเปิดร้านสเต๊กคงจะถูกอกถูกใจกับ 9 วิธีทำสเต๊กกันนะคะ ทุกสูตรทำได้เป๊ะ ถ้าหากอยากดัดแปลง หรือเพิ่มเครื่องเคียงอะไรก็จัดได้ตามใจปรารถนาเลยค่ะ เวลาไม่เคยรอใครนะคะ ถ้าพร้อมแล้วลงมือทำกินกันเองภายในครอบครัวก่อนก็ได้ค่ะ และเมื่อมั่นใจแล้วก็พร้อมออกสู่สนามค้าขายกันเลย
ก่อนที่เราจะดูสูตรสเต๊กเด็ด ๆ กระปุกดอทคอมก็ยังมีเคล็ดลับย่างสเต็กให้อร่อยตามแบบที่ต้องการมาฝากกันก่อน เป็น 3 วิธีง่าย ๆ ที่คุณสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ทั้งที่ร้านอาหารและในครัวของคุณเองตามนี้เลยค่า
◆ น้ำมันมะกอก หรือเนย 1 ช้อนโต๊ะ
◆ กระเทียมจีนสับ 4-5 กลีบ
◆ เห็ดหอมหั่นแว่น 1 ดอก
◆ น้ำซุป หรือน้ำเปล่า 1/2 ถ้วยตวง
◆ ซอสหอยนางรม 1 ช้อนโต๊ะ
◆ ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนชา
◆ น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
◆ เหล้าจีน 1 ช้อนชา (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้)
วิธีทำสเต๊กปลาดอรี่
1. หมักปลาดอรี่กับเกลือและพริกไทยดำ เตรียมไว้
2. ใส่ปลาดอรี่ลงย่างในกระทะให้สุกทั้ง 2 ด้าน ด้านละประมาณ 3 นาที โดยใช้ไฟปานกลาง ตามด้วยหน่อไม้ฝรั่งและเห็ดเข็มทอง ปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทย จัดใส่จาน
วิธีทำซอสกระเทียมพริกไทย
1. โขลกรากผักชีกับพริกไทยขาวเข้าด้วยกัน เตรียมไว้
2. นำกระทะขึ้นตั้งไฟ ใส่เนยหรือน้ำมันมะกอกลงไป ตามด้วยกระเทียม รากผักชี พริกไทยขาว และเห็ดหอม ผัดจนหอม แล้วเติมน้ำซุปลงไป ลดเป็นไฟปานกลาง
3. ปรุงรสด้วยซอสหอยนางรม ซีอิ๊วขาว และน้ำตาลทราย เคี่ยวให้ซอสงวดลง จากนั้นเร่งไฟแรงแล้วเติมเหล้าจีนลงไปพอให้แอลกอฮอล์ระเหยหมด ปิดไฟยกลงจากเตา นำไปราดบนสเต๊กปลาดอรี่
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ สเต๊กปลาดอรี่ซอสกระเทียมพริกไทย อาหารฝรั่งง่าย ๆ ราคาถูก
7. สเต๊กปลาทอดกับซอสทาร์ทาร์
สเต๊กปลานอกจากเอาไปย่างแล้วยังเอาไปทอดได้อีกนะคะ สำหรับร้านสเต๊กต้องหาเมนูดักไว้ทุกทางเนอะ มาพบกับสูตรสเต๊กปลาทอดกับซอสทาร์ทาร์จาก คุณ bangbuatong60d สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ปลาทอดชิ้นโตสุดกรอบราดซอสทาร์ทาร์หอมละมุน ทานกับผักลวกตัดเลี่ยนหน่อย หน้าตาดีขนาดนี้ลูกค้าคนไหนเห็นก็ต้องอยากลิ้มลอง
ส่วนผสม สเต๊กปลาทอด (สำหรับ 6-8 ที่)
◆ ปลาดอรี่ชิ้นใหญ่ 4 ชิ้น
◆ เกลือป่นและพริกไทยป่น (สำหรับหมักปลาดอรี่)
◆ แป้งทอดกรอบ (สำหรับชุบปลา)
◆ ไข่ไก่ตีพอแตก (สำหรับชุบปลา)
◆ เกล็ดขนมปัง
◆ ชีส
ส่วนผสม ซอสทาร์ทาร์
◆ หอมใหญ่ซอยละเอียด
◆ เกลือป่น
◆ ครีมสลัด
◆ พาร์สลีย์สับ
◆ แตงกวาดองซอยละเอียด
◆ ไข่แดงต้มสุก 2 ฟอง
◆ มะนาว
◆ แครอทลวก หั่นเป็นแท่ง ๆ 2 หัว
◆ บรอกโคลีลวก 300 กรัม
◆ ผักกาดแก้ว
วิธีทำสเต๊กปลาทอด
1. ล้างปลาดอรี่ให้สะอาด นำไปซับน้ำและผึ่งลมให้แห้ง จากนั้นปรุงรสด้วยเกลือป่นและพริกไทยป่น หมักทิ้งไว้สักครู่
2. นำเนื้อปลาที่หมักไว้ไปชุบลงในแป้งทอดกรอบ ตามด้วยชุบไข่ไก่ให้ทั่ว สุดท้ายนำไปคลุกในเกล็ดขนมปัง
3. นำลงทอดในน้ำมันใช้ไฟไม่ต้องแรงมากทอดจนเหลืองอ่อน ๆ ตักขึ้นแล้วนำเข้าเตาอบประมาณ 5 นาที เพื่อไล่น้ำมันจากนั้นโรยชีส เอาไปอบต่อจนสุก เตรียมไว้
วิธีทำ ซอสทาร์ทาร์
1. ขยำหอมใหญ่กับเกลือเข้าด้วยกัน พักทิ้งไว้ให้น้ำหอมใหญ่ออกมาแล้วบีบให้แห้ง
2. เทครีมสลัดใส่ลงโถผสมอาหาร ตามด้วยหอมใหญ่ ใบพาร์สลีย์สับ แตงกวาดอง และไข่แดงต้มสุก บีบมะนาวลงไปเล็กน้อย คนผสมให้เข้ากัน เตรียมไว้
3. ต้มแครอทและบรอกโคลีให้สุก จัดเรียงในจาน ตามด้วยผักกาดแก้วให้สวยงาม ใส่ปลาทอดลงไป ราดซอสทาร์ทาร์ พร้อมเสิร์ฟ
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ สเต๊กปลาทอดกับซอสทาร์ทาร์ เมนูหรูหราในราคาประหยัด
8. สเต๊กเนื้อโคขุนจิ้มแจ่ว
สำหรับร้านสเต๊กจะขาดเมนูสเต๊กเนื้อไปได้อย่างไร เอาใจคนชอบทานเนื้อกันหน่อยกับวิธีทำสเต๊กเนื้อโคขุนจิ้มแจ่วสูตรจาก เฟซบุ๊ก เมนูดีที่บ้าน "บ.บวม" ถ้าหากได้จิ้มกับน้ำจิ้มแจ่วด้วยแล้วอร่อยลืมอ้วนเลยล่ะ
ส่วนผสม สเต๊กเนื้อโคขุน
◆ เนื้อโคขุน (หั่นเต๋า) 200 กรัม (ใช้ค้อนสำหรับทุบเนื้อ ทุบเพื่อช่วยให้เนื้อนุ่มขึ้น)
◆ ซอสหอยนางรม 1 ช้อนโต๊ะ
◆ ซอสปรุงรส 1/2 ช้อนโต๊ะ
◆ เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
◆ น้ำมันมะกอก (หรือน้ำมันพืช) 2 ช้อนโต๊ะ
◆ น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
◆ ข้าวคั่วป่น 1 ช้อนโต๊ะ
◆ พริกป่น 1/2 ช้อนโต๊ะ
◆ เนยสด (สำหรับย่าง)
◆ เห็ดเข็มทองผัดเนย
◆ ผักสลัด
◆ ขนมปังโฮลวีท
วิธีทำสเต๊กเนื้อโคขุน
1. หมักเนื้อกับซอสหอยนางรม ซอสปรุงรส เกลือป่น น้ำมันมะกอก น้ำตาลทราย ข้าวคั่วป่น และพริกป่น คลุกเคล้าให้เข้ากัน หมักทิ้งไว้ 1 คืน เพื่อให้เนื้อนุ่มและรสชาติเข้าเนื้อสุด ๆ
2. นำเนื้อที่หมักไว้ลงย่างในกระทะ ใส่เนยนิดหน่อย ย่างให้สุกปานกลาง จัดใส่จาน เสิร์ฟพร้อมเห็ดเข็มทองผัดเนย ผักสลัด และขนมปังโฮลวีท
ส่วนผสม น้ำจิ้มแจ่ว
◆ น้ำมะขามเปียก 2 ช้อนโต๊ะ
◆ น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
◆ น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
◆ น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
◆ ข้าวคั่ว 1 ช้อนโต๊ะ
◆ พริกป่น 1/2 ช้อนโต๊ะ (เพิ่ม-ลดได้ตามชอบ)
◆ ต้นหอมซอย
◆ ผักชีฝรั่งซอย
วิธีทำน้ำจิ้มแจ่ว
◆ คนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน ชิมรสแล้วปรุงเพิ่มตามรสชาติที่ชอบ เสิร์ฟพร้อมสเต๊กเนื้อ
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ สเต๊กเนื้อโคขุนจิ้มแจ่ว เนื้อนุ่ม น้ำจิ้มแซ่บ แบบฉบับทำง่าย
9. ซี่โครงหมูบาร์บีคิว
เมนูสุดท้ายแม้ไม่ใช่สเต๊กแต่ก็เป็นอีกเมนูยอดฮิตที่ร้านสเต๊กมักใส่ลงไปในเมนูอาหารเพื่อเป็นอีกทางเลือกสำหรับลูกค้าที่อยากสั่งอาหารเพิ่มแต่ไม่อยากกินสเต๊กแล้ว ขอแนะนำซี่โครงหมูบาร์บีคิวสูตรจาก คุณ isweet สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ซี่โครงหมูทาซอสบาร์บีคิวจนชุ่มนำไปอบจนแทรกซึมเข้าทุกอณู ก่อนเสิร์ฟก็ราดซอสบาร์บีคิวอีกครั้งหนึ่งเพื่อความสวยงามและเพื่อความน่าทาน
ส่วนผสม ซี่โครงหมูบาร์บีคิว
◆ ซอสมะเขือเทศ 3 ถ้วย
◆ ซอสพริก 2 ถ้วย
◆ ขิงอ่อนสับละเอียด 1/3 ถ้วย
◆ กระเทียมสับละเอียด 1/3 ถ้วย
◆ ออริกาโน่ 2 ช้อนโต๊ะ
◆ โรสแมรี 1 ช้อนโต๊ะ
◆ อบเชยป่น 2 ช้อนโต๊ะ
◆ เกลือ 1/2 ช้อนชา
◆ พริกไทยขาวป่น ประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ
◆ น้ำผึ้ง 1/4 ถ้วย (ถ้าไม่มีให้ใช้น้ำตาลทราย)
◆ ซี่โครงหมูแบบแผ่น 2 กิโลกรัม
◆ น้ำเปล่า 4 ถ้วย
หมายเหตุ : ขิงและกระเทียมหากไม่ชอบเป็นชิ้น ๆ ให้นำไปปั่นจนละเอียดก่อนนำมาทำซอสนะคะ
วิธีทำซี่โครงหมูบาร์บีคิว
1. ทำซอสบาร์บีคิวโดยผสมซอสมะเขือเทศกับซอสพริกเข้าด้วยกัน ตามด้วยขิงอ่อนสับ กระเทียมสับ ออริกาโน่ โรสแมรี อบเชย เกลือ พริกไทยขาวป่น และน้ำผึ้ง คนผสมให้เข้ากันเป็นซอสบาร์บีคิว พักไว้
2. ตัดซี่โครงให้เป็นชิ้นตามที่ชอบ (เพื่อให้ใส่หม้อหรือกระทะได้ง่าย ใครมีหม้อใหญ่ ๆ จะใส่ทั้งแผ่นก็ได้ตามสะดวกค่ะ)
3. ใส่ซอสบาร์บีคิวลงในกระทะ (หรือหม้อ) เติมน้ำเปล่าลงไปคนผสมให้ซอสละลายเข้ากัน จากนั้นนำซี่โครงใส่ลงไปในหม้อ ต้มพอเดือดแล้วเคี่ยวต่อด้วยไฟอ่อนประมาณ 1.30-2 ชั่วโมง
หมายเหตุ : บางสูตรก็นำซี่โครงไปต้มในน้ำเปล่าจนนุ่ม จากนั้นนำมาทาซอสก่อนย่าง ขณะย่างก็ทาซอสเรื่อย ๆ จนเข้าเนื้อ แต่ไม่ว่าจะทำวิธีไหนก็ได้เหมือนกันนะคะ ตามความสะดวกของเราค่ะ
4. นำซี่โครงที่เราเคี่ยวจนเนื้อนุ่มและซอสซึมเข้าเนื้อแล้วมาทาซอสบาร์บีคิวให้ชุ่ม
5. จากนั้นนำไปอบ (หรือย่างตามสะดวก) ที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส ประมาณ 10-13 นาที ส่วนซอสที่เหลือเก็บไว้ราดอีกทีก่อนเสิร์ฟ
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ซี่โครงหมูบาร์บีคิว อาหารฝรั่งเลอค่า แบบโฮมเมดที่ใครก็ทำได้
สำหรับคนอยากเปิดร้านสเต๊กคงจะถูกอกถูกใจกับ 9 วิธีทำสเต๊กกันนะคะ ทุกสูตรทำได้เป๊ะ ถ้าหากอยากดัดแปลง หรือเพิ่มเครื่องเคียงอะไรก็จัดได้ตามใจปรารถนาเลยค่ะ เวลาไม่เคยรอใครนะคะ ถ้าพร้อมแล้วลงมือทำกินกันเองภายในครอบครัวก่อนก็ได้ค่ะ และเมื่อมั่นใจแล้วก็พร้อมออกสู่สนามค้าขายกันเลย
◆ กระเทียมจีนสับ 4-5 กลีบ
◆ เห็ดหอมหั่นแว่น 1 ดอก
◆ น้ำซุป หรือน้ำเปล่า 1/2 ถ้วยตวง
◆ ซอสหอยนางรม 1 ช้อนโต๊ะ
◆ ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนชา
◆ น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
◆ เหล้าจีน 1 ช้อนชา (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้)
วิธีทำสเต๊กปลาดอรี่
1. หมักปลาดอรี่กับเกลือและพริกไทยดำ เตรียมไว้
2. ใส่ปลาดอรี่ลงย่างในกระทะให้สุกทั้ง 2 ด้าน ด้านละประมาณ 3 นาที โดยใช้ไฟปานกลาง ตามด้วยหน่อไม้ฝรั่งและเห็ดเข็มทอง ปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทย จัดใส่จาน
วิธีทำซอสกระเทียมพริกไทย
1. โขลกรากผักชีกับพริกไทยขาวเข้าด้วยกัน เตรียมไว้
2. นำกระทะขึ้นตั้งไฟ ใส่เนยหรือน้ำมันมะกอกลงไป ตามด้วยกระเทียม รากผักชี พริกไทยขาว และเห็ดหอม ผัดจนหอม แล้วเติมน้ำซุปลงไป ลดเป็นไฟปานกลาง
3. ปรุงรสด้วยซอสหอยนางรม ซีอิ๊วขาว และน้ำตาลทราย เคี่ยวให้ซอสงวดลง จากนั้นเร่งไฟแรงแล้วเติมเหล้าจีนลงไปพอให้แอลกอฮอล์ระเหยหมด ปิดไฟยกลงจากเตา นำไปราดบนสเต๊กปลาดอรี่
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ สเต๊กปลาดอรี่ซอสกระเทียมพริกไทย อาหารฝรั่งง่าย ๆ ราคาถูก
+++++++++++++
7. สเต๊กปลาทอดกับซอสทาร์ทาร์
สเต๊กปลานอกจากเอาไปย่างแล้วยังเอาไปทอดได้อีกนะคะ สำหรับร้านสเต๊กต้องหาเมนูดักไว้ทุกทางเนอะ มาพบกับสูตรสเต๊กปลาทอดกับซอสทาร์ทาร์จาก คุณ bangbuatong60d สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ปลาทอดชิ้นโตสุดกรอบราดซอสทาร์ทาร์หอมละมุน ทานกับผักลวกตัดเลี่ยนหน่อย หน้าตาดีขนาดนี้ลูกค้าคนไหนเห็นก็ต้องอยากลิ้มลอง
ส่วนผสม สเต๊กปลาทอด (สำหรับ 6-8 ที่)
◆ ปลาดอรี่ชิ้นใหญ่ 4 ชิ้น
◆ เกลือป่นและพริกไทยป่น (สำหรับหมักปลาดอรี่)
◆ แป้งทอดกรอบ (สำหรับชุบปลา)
◆ ไข่ไก่ตีพอแตก (สำหรับชุบปลา)
◆ เกล็ดขนมปัง
◆ ชีส
ส่วนผสม ซอสทาร์ทาร์
◆ หอมใหญ่ซอยละเอียด
◆ เกลือป่น
◆ ครีมสลัด
◆ พาร์สลีย์สับ
◆ แตงกวาดองซอยละเอียด
◆ ไข่แดงต้มสุก 2 ฟอง
◆ มะนาว
◆ แครอทลวก หั่นเป็นแท่ง ๆ 2 หัว
◆ บรอกโคลีลวก 300 กรัม
◆ ผักกาดแก้ว
วิธีทำสเต๊กปลาทอด
1. ล้างปลาดอรี่ให้สะอาด นำไปซับน้ำและผึ่งลมให้แห้ง จากนั้นปรุงรสด้วยเกลือป่นและพริกไทยป่น หมักทิ้งไว้สักครู่
2. นำเนื้อปลาที่หมักไว้ไปชุบลงในแป้งทอดกรอบ ตามด้วยชุบไข่ไก่ให้ทั่ว สุดท้ายนำไปคลุกในเกล็ดขนมปัง
3. นำลงทอดในน้ำมันใช้ไฟไม่ต้องแรงมากทอดจนเหลืองอ่อน ๆ ตักขึ้นแล้วนำเข้าเตาอบประมาณ 5 นาที เพื่อไล่น้ำมันจากนั้นโรยชีส เอาไปอบต่อจนสุก เตรียมไว้
วิธีทำ ซอสทาร์ทาร์
1. ขยำหอมใหญ่กับเกลือเข้าด้วยกัน พักทิ้งไว้ให้น้ำหอมใหญ่ออกมาแล้วบีบให้แห้ง
2. เทครีมสลัดใส่ลงโถผสมอาหาร ตามด้วยหอมใหญ่ ใบพาร์สลีย์สับ แตงกวาดอง และไข่แดงต้มสุก บีบมะนาวลงไปเล็กน้อย คนผสมให้เข้ากัน เตรียมไว้
3. ต้มแครอทและบรอกโคลีให้สุก จัดเรียงในจาน ตามด้วยผักกาดแก้วให้สวยงาม ใส่ปลาทอดลงไป ราดซอสทาร์ทาร์ พร้อมเสิร์ฟ
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ สเต๊กปลาทอดกับซอสทาร์ทาร์ เมนูหรูหราในราคาประหยัด
++++++++++++
8. สเต๊กเนื้อโคขุนจิ้มแจ่ว
สำหรับร้านสเต๊กจะขาดเมนูสเต๊กเนื้อไปได้อย่างไร เอาใจคนชอบทานเนื้อกันหน่อยกับวิธีทำสเต๊กเนื้อโคขุนจิ้มแจ่วสูตรจาก เฟซบุ๊ก เมนูดีที่บ้าน "บ.บวม" ถ้าหากได้จิ้มกับน้ำจิ้มแจ่วด้วยแล้วอร่อยลืมอ้วนเลยล่ะ
ส่วนผสม สเต๊กเนื้อโคขุน
◆ เนื้อโคขุน (หั่นเต๋า) 200 กรัม (ใช้ค้อนสำหรับทุบเนื้อ ทุบเพื่อช่วยให้เนื้อนุ่มขึ้น)
◆ ซอสหอยนางรม 1 ช้อนโต๊ะ
◆ ซอสปรุงรส 1/2 ช้อนโต๊ะ
◆ เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
◆ น้ำมันมะกอก (หรือน้ำมันพืช) 2 ช้อนโต๊ะ
◆ น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
◆ ข้าวคั่วป่น 1 ช้อนโต๊ะ
◆ พริกป่น 1/2 ช้อนโต๊ะ
◆ เนยสด (สำหรับย่าง)
◆ เห็ดเข็มทองผัดเนย
◆ ผักสลัด
◆ ขนมปังโฮลวีท
วิธีทำสเต๊กเนื้อโคขุน
1. หมักเนื้อกับซอสหอยนางรม ซอสปรุงรส เกลือป่น น้ำมันมะกอก น้ำตาลทราย ข้าวคั่วป่น และพริกป่น คลุกเคล้าให้เข้ากัน หมักทิ้งไว้ 1 คืน เพื่อให้เนื้อนุ่มและรสชาติเข้าเนื้อสุด ๆ
2. นำเนื้อที่หมักไว้ลงย่างในกระทะ ใส่เนยนิดหน่อย ย่างให้สุกปานกลาง จัดใส่จาน เสิร์ฟพร้อมเห็ดเข็มทองผัดเนย ผักสลัด และขนมปังโฮลวีท
ส่วนผสม น้ำจิ้มแจ่ว
◆ น้ำมะขามเปียก 2 ช้อนโต๊ะ
◆ น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
◆ น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
◆ น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
◆ ข้าวคั่ว 1 ช้อนโต๊ะ
◆ พริกป่น 1/2 ช้อนโต๊ะ (เพิ่ม-ลดได้ตามชอบ)
◆ ต้นหอมซอย
◆ ผักชีฝรั่งซอย
วิธีทำน้ำจิ้มแจ่ว
◆ คนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน ชิมรสแล้วปรุงเพิ่มตามรสชาติที่ชอบ เสิร์ฟพร้อมสเต๊กเนื้อ
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ สเต๊กเนื้อโคขุนจิ้มแจ่ว เนื้อนุ่ม น้ำจิ้มแซ่บ แบบฉบับทำง่าย
++++++++++
9. ซี่โครงหมูบาร์บีคิว
เมนูสุดท้ายแม้ไม่ใช่สเต๊กแต่ก็เป็นอีกเมนูยอดฮิตที่ร้านสเต๊กมักใส่ลงไปในเมนูอาหารเพื่อเป็นอีกทางเลือกสำหรับลูกค้าที่อยากสั่งอาหารเพิ่มแต่ไม่อยากกินสเต๊กแล้ว ขอแนะนำซี่โครงหมูบาร์บีคิวสูตรจาก คุณ isweet สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ซี่โครงหมูทาซอสบาร์บีคิวจนชุ่มนำไปอบจนแทรกซึมเข้าทุกอณู ก่อนเสิร์ฟก็ราดซอสบาร์บีคิวอีกครั้งหนึ่งเพื่อความสวยงามและเพื่อความน่าทาน
ส่วนผสม ซี่โครงหมูบาร์บีคิว
◆ ซอสมะเขือเทศ 3 ถ้วย
◆ ซอสพริก 2 ถ้วย
◆ ขิงอ่อนสับละเอียด 1/3 ถ้วย
◆ กระเทียมสับละเอียด 1/3 ถ้วย
◆ ออริกาโน่ 2 ช้อนโต๊ะ
◆ โรสแมรี 1 ช้อนโต๊ะ
◆ อบเชยป่น 2 ช้อนโต๊ะ
◆ เกลือ 1/2 ช้อนชา
◆ พริกไทยขาวป่น ประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ
◆ น้ำผึ้ง 1/4 ถ้วย (ถ้าไม่มีให้ใช้น้ำตาลทราย)
◆ ซี่โครงหมูแบบแผ่น 2 กิโลกรัม
◆ น้ำเปล่า 4 ถ้วย
หมายเหตุ : ขิงและกระเทียมหากไม่ชอบเป็นชิ้น ๆ ให้นำไปปั่นจนละเอียดก่อนนำมาทำซอสนะคะ
วิธีทำซี่โครงหมูบาร์บีคิว
3. ใส่ซอสบาร์บีคิวลงในกระทะ (หรือหม้อ) เติมน้ำเปล่าลงไปคนผสมให้ซอสละลายเข้ากัน จากนั้นนำซี่โครงใส่ลงไปในหม้อ ต้มพอเดือดแล้วเคี่ยวต่อด้วยไฟอ่อนประมาณ 1.30-2 ชั่วโมง
หมายเหตุ : บางสูตรก็นำซี่โครงไปต้มในน้ำเปล่าจนนุ่ม จากนั้นนำมาทาซอสก่อนย่าง ขณะย่างก็ทาซอสเรื่อย ๆ จนเข้าเนื้อ แต่ไม่ว่าจะทำวิธีไหนก็ได้เหมือนกันนะคะ ตามความสะดวกของเราค่ะ
4. นำซี่โครงที่เราเคี่ยวจนเนื้อนุ่มและซอสซึมเข้าเนื้อแล้วมาทาซอสบาร์บีคิวให้ชุ่ม
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ซี่โครงหมูบาร์บีคิว อาหารฝรั่งเลอค่า แบบโฮมเมดที่ใครก็ทำได้
สำหรับคนอยากเปิดร้านสเต๊กคงจะถูกอกถูกใจกับ 9 วิธีทำสเต๊กกันนะคะ ทุกสูตรทำได้เป๊ะ ถ้าหากอยากดัดแปลง หรือเพิ่มเครื่องเคียงอะไรก็จัดได้ตามใจปรารถนาเลยค่ะ เวลาไม่เคยรอใครนะคะ ถ้าพร้อมแล้วลงมือทำกินกันเองภายในครอบครัวก่อนก็ได้ค่ะ และเมื่อมั่นใจแล้วก็พร้อมออกสู่สนามค้าขายกันเลย
No comments:
Post a Comment